โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เกิดจากการที่กระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่าสูญเสียความสามารถในการรองรับแรงกระแทกและความยืดหยุ่นลดลง นอกจากนี้ยังเกิดจากกล้ามเนื้อต้นขาที่อ่อนแอ ทำให้ข้อเข่ารับแรงกดทับมากเกินไป ส่งผลให้กระดูกบริเวณข้อเสียดสีกันระหว่างการเคลื่อนไหว จนทำให้ผิวข้อเสื่อมและไม่เรียบ หากอาการรุนแรงขึ้น กระดูกอาจสร้างตัวใหม่เป็นกระดูกงอกภายในข้อ ทำให้เคลื่อนไหวลำบากและอาจมีเสียงดังในข้อ หากไม่ได้รับการรักษาหรือคำปรึกษาจากแพทย์ อาจเสี่ยงเกิดการอักเสบของข้อเข่า
สำหรับท่านใดที่มีอาการเข่าเสื่อม แล้วไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจัดการกับอาการที่เกิดขึ้นอย่างไรดี? painclinicnear.me จะพาคุณไปหาคำตอบเอง อ่านได้เลยที่บทความนี้!
โรคข้อเข่าเสื่อมเกิดจากหลายปัจจัย เช่น
การรักษาข้อเข่าเสื่อมแบบไม่ผ่าตัดเป็นวิธีการบรรเทาอาการและฟื้นฟูข้อเข่าโดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและสภาพข้อเข่าของผู้ป่วย แนวทางการรักษาแบบไม่ผ่าตัดที่ได้รับความนิยมมีดังนี้
การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียมเข้าข้อ (Hyaluronic Acid Injections)
ช่วยเพิ่มสารหล่อลื่นในข้อเข่า ลดการเสียดสีและลดอาการปวดข้อเข่า
การรักษาด้วยพลาสมาเกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet-Rich Plasma – PRP)
ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อในข้อเข่าและลดการอักเสบ
การใช้สเต็มเซลล์ (Stem Cell Therapy)
ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนที่เสื่อมสภาพ แต่มีข้อจำกัดในการใช้คำว่า “สเต็มเซลล์” ในการโฆษณาออนไลน์
การทำกายภาพบำบัด
ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าและเพิ่มความยืดหยุ่นในการเคลื่อนไหว
การใช้ยาแก้อักเสบ
ยาลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ช่วยลดอาการปวดและการอักเสบของข้อเข่า
การใช้เครื่องพยุงข้อเข่า (Knee Braces)
เพื่อช่วยบรรเทาแรงกระแทกและลดการเสียดสีของกระดูกอ่อนในข้อ
การรักษาเหล่านี้ช่วยลดอาการปวดและชะลอการเสื่อมของข้อเข่า แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
การใช้ PRP (Platelet-Rich Plasma) ในการรักษาข้อเข่าเสื่อมเป็นวิธีการทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการรักษาที่ใช้ประโยชน์จากเกล็ดเลือด และ สารที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อจากเลือดของผู้ป่วยเอง กระบวนการรักษานี้สามารถช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อในข้อเข่าที่เสื่อมสภาพได้ โดยวิธีการทำ PRP มีขั้นตอนดังนี้
เก็บเลือดจากผู้ป่วย: ทำการเจาะเลือดจากผู้ป่วยในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อนำมาปั่นแยกเอาส่วนที่มีความเข้มข้นของเกล็ดเลือด (Platelet-Rich Plasma)
ปั่นแยกพลาสม่า: เลือดที่เก็บมาจะถูกนำไปปั่นในเครื่องปั่นแยกเลือด (centrifuge) เพื่อแยกเกล็ดเลือดเข้มข้นออกจากส่วนประกอบอื่น ๆ ของเลือด
ฉีด PRP เข้าไปในข้อเข่า: พลาสมาที่มีความเข้มข้นของเกล็ดเลือดจะถูกฉีดเข้าไปในบริเวณข้อเข่าที่เสื่อมสภาพ เพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูเนื้อเยื่อและลดการอักเสบ
งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าการฉีด PRP สามารถช่วยลดอาการปวด ปรับปรุงการทำงานของข้อเข่า และชะลอการเสื่อมของกระดูกอ่อนได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ PRP ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาและต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษา การรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วย PRP จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัดและต้องการฟื้นฟูข้อเข่าอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนการรักษา
การใช้คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Type I Collagen) ในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis) เป็นหนึ่งในวิธีการที่ได้รับการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวาง โดยคอลลาเจนชนิดที่ 1 เป็นส่วนประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย เช่น ผิวหนัง กระดูก และเส้นเอ็น ซึ่งคอลลาเจนชนิดนี้สามารถช่วยในการฟื้นฟูเนื้อเยื่อและลดอาการอักเสบในข้อเข่าได้
คอลลาเจนชนิดที่ 1 มีบทบาทสำคัญในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกอ่อน โดยการฉีดคอลลาเจนเข้าสู่ข้อเข่าสามารถกระตุ้นเซลล์กระดูกอ่อน (Chondrocytes) ให้ผลิตกระดูกอ่อนใหม่และลดการอักเสบในข้อเข่าได้.
การใช้เทคโนโลยีชีวโมเลกุลในการรักษาข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis) เป็นวิธีการทางการแพทย์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีนี้มีความสามารถในการพัฒนาเนื้อเยื่อที่เสียหาย โดยเฉพาะในกรณีของข้อเข่าเสื่อม ซึ่งเกิดจากการสลายตัวของกระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่า ทำให้เกิดอาการปวด บวม และข้อเข่าทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีชีวโมเลกุลมีคุณสมบัติในการเปลี่ยนแปลงและกระตุ้นการฟื้นฟูเนื้อเยื่อต่าง ๆ รวมถึงกระดูกอ่อนที่ช่วยให้ข้อเข่าเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น การฉีดเทคโนโลยีชีวโมเลกุลเข้าสู่ข้อเข่าช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมและลดการอักเสบ
ชีวโมเลกุลจากไขกระดูก (Bone Marrow-derived Biomolecules)
เป็นสารชีวโมเลกุลที่ได้จากการสกัดจากไขกระดูกของผู้ป่วยเอง สารเหล่านี้สามารถพัฒนาไปเป็นเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนที่ช่วยในการซ่อมแซมและฟื้นฟูข้อเข่าที่เสียหายได้
ชีวโมเลกุลจากเนื้อเยื่อไขมัน (Adipose-derived Biomolecules)
สารชีวโมเลกุลชนิดนี้ถูกสกัดจากเนื้อเยื่อไขมันของผู้ป่วย มักจะสกัดจากบริเวณหน้าท้องหรือต้นขา ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับสารจากไขกระดูก แต่สกัดได้ง่ายกว่าและมีปริมาณมาก
ชีวโมเลกุลจากรกหรือสายสะดือ (Umbilical Cord-derived Biomolecules)
สารชีวโมเลกุลชนิดนี้มักได้มาจากการบริจาคจากผู้ให้กำเนิด โดยมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูเนื้อเยื่อและลดการอักเสบที่เกิดจากข้อเข่าเสื่อม
การรักษาข้อเข่าเสื่อมโดยไม่ต้องผ่าตัดด้วย CTB Program (Cartilage Tissue Bio-therapy Program) เป็นวิธีการบำบัดที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีทางการแพทย์และการฟื้นฟูโดยเน้นการกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมกระดูกอ่อนที่เสียหายด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหรือใช้ยาที่มีผลข้างเคียงมาก โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อมในระยะเริ่มต้นหรือปานกลาง
CTB Program มุ่งเน้นการฟื้นฟูและบำรุงเนื้อเยื่อในข้อเข่าโดยใช้กระบวนการฟื้นฟูเซลล์ ซึ่งมักประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก คือ:
การกระตุ้นการฟื้นฟูด้วย PRP (Platelet-Rich Plasma)
PRP เป็นการฉีดเกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูงซึ่งสกัดจากเลือดของผู้ป่วยเอง เซลล์เหล่านี้มีสารที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นให้ร่างกายฟื้นฟูเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนในข้อเข่า
การฟื้นฟูเนื้อเยื่อด้วยคอลลาเจนเปปไทด์
คอลลาเจนเปปไทด์ชนิดพิเศษที่ใช้ใน CTB Program ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในข้อเข่า โดยเฉพาะกระดูกอ่อน ทำให้ข้อเข่ามีความยืดหยุ่นและทนต่อแรงกระแทกได้ดีขึ้น
การออกกำลังกายและกายภาพบำบัดเฉพาะทาง
การออกกำลังกายที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าและเพิ่มความยืดหยุ่น ซึ่งช่วยลดอาการปวดและป้องกันการเสื่อมของข้อเข่าในอนาคต
Personalized Assessment (การประเมินเฉพาะบุคคล)
การรักษาขั้นตอนแรกเริ่มต้นด้วยการประเมินผู้ป่วยอย่างละเอียด ซึ่งแพทย์จะทำการตรวจร่างกายและใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบสภาพของข้อเข่า รวมถึงการตรวจวิเคราะห์การเคลื่อนไหว (gait analysis) และการวัดความเสื่อมของกระดูกอ่อนในข้อเข่า โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน
Advance Rehabilitation Program (โปรแกรมการฟื้นฟูขั้นสูง)
โปรแกรมนี้มุ่งเน้นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า เพื่อช่วยสนับสนุนข้อเข่าให้ทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการปวดและการอักเสบ โดยผู้ป่วยจะได้รับการดูแลจากทีมกายภาพบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญในการฟื้นฟูข้อเข่าเสื่อม ซึ่งโปรแกรมการฟื้นฟูนี้จะถูกออกแบบให้เหมาะกับผู้ป่วยเฉพาะบุคคล เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและการเคลื่อนไหวของข้อเข่าให้ดีขึ้น
Cartilage Tissue Biomolecule (CTB) (การรักษาด้วยโมเลกุลทางชีวภาพของกระดูกอ่อน)
ขั้นตอนสำคัญของโปรแกรมคือการใช้เทคโนโลยีชีวโมเลกุลในการฟื้นฟูกระดูกอ่อน แพทย์จะทำการฉีดสารชีวโมเลกุล เช่น PRP (Platelet-Rich Plasma) หรือสารคอลลาเจนเปปไทด์เข้มข้นเข้าสู่บริเวณข้อเข่าที่เสื่อม สารเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนที่เสียหาย ลดการอักเสบและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับข้อเข่า ทำให้การเคลื่อนไหวของข้อดีขึ้น
Patient Activities Analysis (การวิเคราะห์กิจกรรมของผู้ป่วย)
หลังจากการรักษา ทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดจะทำการวิเคราะห์กิจกรรมของผู้ป่วย เพื่อประเมินผลการรักษาและปรับแผนการฟื้นฟูให้เหมาะสมกับกิจกรรมประจำวันของผู้ป่วย เช่น การเดิน วิ่ง หรือการทำงานหนัก การวิเคราะห์นี้ช่วยให้แพทย์และทีมดูแลสามารถปรับโปรแกรมการรักษาและการฟื้นฟูได้อย่างเหมาะสมเพื่อให้ผู้ป่วยกลับไปทำกิจกรรมได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
การทำกายภาพบำบัดจะช่วยให้อาการปวดเรื้อรังดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ควรเข้ารับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์ หรือนักกายภาพบำบัดแนะนำ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว จะอยู่ที่ 5 – 6 ครั้ง สำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงมาก
ที่ Pain Clinic Near Me เราใช้เครื่องมือกายภาพบำบัดที่ทันสมัยในการรักษาผู้เข้าใช้บริการ ซึ่งจะช่วยให้อาการปวดดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยที่ไม่ต้องใช้ยา หรือผ่าตัดเลย
Pain Clinic Near Me เป็นคลินิกกายภาพบำบัดและเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ดูแลโดยแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งสามารถออกใบรับรองแพทย์ให้กับผู้ใช้บริการนำไปเบิกประกันสุขภาพ หรือประกันกลุ่มแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ได้
Pain Clinic Near Me มีที่จอดรถรองรับหลักร้อยคัน สามารถขับรถเข้ามาใช้บริการอย่างสบายใจได้เลย
สามารถชำระค่าใช้บริการเป็นเงินสด หรือโอนผ่านบัญชีธนาคารได้เลย
© All Rights Reserved.